ตอนนี้ข่าวหลายวงการมีคำๆหนึ่งที่ถูกใช้แทนรูปแบบของการทุจริตซึ่งมีการใช้พูดในหลายโอกาส
แต่ความหมายของมันก็คือการทุจริตนั้นเอง คำๆนั้นก็คือคำว่า เงินทอน คำนี้หากว่าเราใช้ในการซื้อขายสินค้าแบบปรกติแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะบางครั้งเราไม่มีเงินตามจำนวนของสินค้าเราก็ให้เงินเกินไป
แล้วพ่อค้าหรือว่าแม่ค้าที่ขายสินค้าเขาก็จะถอนเงินในส่วนที่เกินนั้นกลับคืนมาให้กับเรา
แต่ข่าวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้และก็เกี่ยวกับเรื่องของเงินถอนก็ได้แก่เรื่องของเงินทอนวัด nax
ปัญหาเรื่องของเงินทอนวัดที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้นั้นเนื่องมาจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า
มีการจัดสรรงบประมาณให้กับวัดต่างๆในประเทศไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะศาสนะสถาน
แต่ว่าเมื่อมีการโอนเงินไปให้กับวัดแล้วนั้นก็จะมีการติดต่อเพื่อไปขอเงินคืนจากวัด
หรือที่เรียกกันว่าเงินทอนวัดนั้นเอง
และจะเหลือเงินให้กับวัดเพื่อเป็นค่าดำเนินการแค่เพียงไม่กี่บาทเท่านั้นเอง ซึ่งตอนนี้ก็มีการขยายผลไปยังวัดอื่นๆอีกจำนวนมากทั่วประเทศไทย
ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า
จุดจบของเรื่องนี้นั้นจะเป็นอย่างไร nax
อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเงินทอนนั้นก็คือการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุอุกรณ์ที่จะใช้ทำผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านแห่ง
ซึ่งหลังจากที่ผู้เสนอราคาเจ้าหนึ่งได้ชนะการสอบราคา เพราะว่าเป็นผู้ที่เสนอจำนวนเงินน้อยที่สุด
แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่ามีส่วนในการรับผิดชอบโครงการด้วยให้เขียนสัญญาในการซื้อขายโดยเพิ่มจำนวนเงินเข้าไปจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเจ้าของร้านค้าที่เป็นผู้ชนะในการสอบราคารู้สึกว่าเริ่มไม่ชอบมาพากลจึงมีการแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของการปราบปรามการทุจริตจนมีการวางแผนการล่อจับกุมในที่สุด
ซึ่งคดีความก็ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าบทสรุปจะเป็นยังไงบ้าง nax
ผมได้ดูข่าวสองเรื่องที่เกี่ยวกับกับการขอเงินทอนก็เลยคิดกับมาถึงโครงการของโรงเรียนที่ตอนนี้ยุติไปแล้ว
เริ่มต้นจากมีการติดต่อมาจากผู้มีชื่อเสียงรายหนึ่งและบอกว่าจะทำโครงการพัฒนานักฟุตบอลมาให้กับโรงเรียน
ซึ่งโรงเรียนก็ยินดีเพราะว่าโอกาสยากมากที่จะมีคนเสนอเงือนไขแบบนี้มาให้
แต่พอถึงขั้นตอนของการดำเนินการกลับกลายเป็นว่าโรงเรียนจะต้องเป็นคนเขียนโครงการและเสนอไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งโดยผ่านความเห็นชอบของผู้ว่าราชการจังหวัด
และนำเงินที่จะได้ไปให้กับคนที่ติดต่อมาเพื่อดำเนินโครงการต่อไป
ซึ่งทางโรงเรียนเห็นว่าเป็นสิ่งที่น่าจะไมถูกต้องจึงได้มีการระงับโครงการนี้ไป
ไม่เช่นนั้นก็คงจะเข้ารูปแบบเดี่ยวกันกับสองกรณีที่กล่าวมาแล้วข้องต้นนั้นเอง